เครื่องบิน Mitsubishi A6M Zero

 เครื่องบิน Mitsubishi A6M Zero

Mitsubishi A6M Zero-sen หรือบางคนนั้นรู้จักกันในนามว่า Zero Fighter

หลายคนนั้นอาจจะรู้จักกันดีสำหรับ หนึ่งในฐานะนกเหล็กที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งนับได้ว่าเป็นเครื่องบินขับไล่ที่ดีทีสุดของประเทศญี่ปุนในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้

นักรบแดนอุทัย หรือ ซีโร่เซนนั้น ได้ถูกออกแบบและทำการสร้างขึ้นจากความต้องการของกองทัพเรือประเทศญี่ปุ่น ในปี 1937 เพื่อที่จะมาทดแทนเครื่องบินรบในรุ่นก่อนหน้านั้น ซึ่งก็คือรุ่น A5M ที่ได้ถูกผลิตโดยบริษัทมิตซูบิชิเช่นกัน

ความต้องการที่จะเป็นที่หนึ่งเหนือน่านฟ้าในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ทำให้เงื่อนไขในการสร้างเครื่องบินรบลำนี้ต้องดีกว่าลำอื่นๆในทุกๆด้าน ความเร็ซที่จำเป็นจะต้องมีมากกว่า 310 Mph และการที่จะต้องอยู่เหนือน่านฟ้าที่ต้องมีมากเกือบ 3,000 เมตร ภายในระยะเวลาแค่เพียง สามนาทีครึ่ง อีกทั้งยังต้องมีความคล้องแคล้วเพื่อที่จะทำการหลบหลีกได้ดี และพิสัยทัศนั้นยังจะต้องดีกว่าเครื่องบินในทุกๆรุ่นที่เคยมีมา

จัดได้ว่าเงื่อนไขในการสร้างตอนนั้นเป็นอะไรที่หลายฝ่ายต้องการเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าเงื่อนไขและความต้องการของกองทัพเรือญี่ปุ่นในขณะนั้นจะดูมีความเกินจริงไปมาก แต่การที่ญี่ปุ่นนั้นสามารถสร้างสิ่งที่เกินจริงไปนั้นให้สามารถมีอยู่จริงๆ ได้ จากบริษัทเดียวในตอนนั้นที่ยอมรับเงื่อนไขและความท้าทายในการออกแบบ พัฒนา และสร้างนี้ นั้นก็คือบริษัทมิตซูบิชิ บริษัทเดียวกับที่ผลิตรถยนต์ให้เราขับเห็นกันทั่วไปตามท้องถนนนี้แหละ ที่ยอมรับเงื่อนไข โดยมี Jiro Horikoshi นักประดิษฐ์หนุ่มไฟแรงได้เป็นผู้นำสำหรับการออกแบบในครั้งนั้น และในเวลาต่อมา ซีโร่เซ็นก็ได้ทำการถือกำเนิดขึ้น โดยมีการทำการบินครั้งแรกได้สำเร็จในวันที่ 1 เดือนเมษายน 1939

จนกระทั้งวันที่ 14 เดือนกันยายาม ซีโร่เซ็นได้รับการยอมรับและมีชื่อเรียกกันว่า A6M1  และหลังจากที่ได้มีการทดลอง ออกแบบ และพัฒนาประสิทธิภาพ ทำให้ A6M1 นั้นมีโมเดลที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกจำนวนมากเลยทีเดียว

หากถามถึงความโดดเด่นของนกเหล็กแห่งแดนอุทัยอย่างซีโร่เซ็นที่ทำให้คู้ต่อสู้ต้องเกิดความหวาดกลัวนั้น คงหนีไม่พ้นในเรื่องของความคล่องตัว ทั้งมีการใช้เครื่องยนต์ที่มีน้ำหนักเบา การลดทอนวัสดุต่างๆที่ไม่จำเป็นในการประกอบตัวเครื่อง ทำให้ซีโร่เซ็น ณ เวลานานเป็นที่ถูกกล่าวขานเพราะมีความไวกว่าคู่ต่อสู้เหนือน่านฟ้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มากกว่าความไวนั้นคือความคล่องตัวฉวัดเฉวียน ที่ทำให้ซีโร่เซ็นนั้นสามารถที่จะหลบหลีกศัตรูได้อย่างยอดเยี่ยมอย่างไม่มีใครเทียบ และที่สำคัญที่สุด คือเรื่องของการบินยาวนานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดพักของซีโร่เซ็นนั้น ที่ไปได้ไกลมากถึง 3,100 กิโลเมตร ซึ่งเท่ากับการบินบนฟากฟ้านานนับ 12 ชั่วโมง 5 นาที ในยุคสมัยนั้นถือว่าเป็นการพัฒนาที่สุดยอดมากเลย

ภารกิจแรกของซีโร่เซ็นนั้น ได้เริ่มขึ้นที่เหนือน่านฟ้าของประเทศจีน เมืองฉงชิ่น เมื่อวันที่ 13 กันยายน ปี 1940 ซีโร่เซ็นที่มีทั้งหมดเพียง 13 ลำ สามารถที่จะสังหารเครื่องบินของจีน l-15 และ l-16 ไปได้มากถึง 27 ลำ ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 3 นาที ซึ่งซีโร่เซ็นนั้นได้สูญเสียไปเพียง 2 ลำ เท่านั้น ชื่อเสียงของนักรบแห่งแดนอุทัยนี้ ได้ไปถึงรัฐบาลอเมริกา แต่พวกเขาเลือกที่จะเพิกเฉยจนกระทั่ง มีการโจมตีเกิดขึ้นที่ อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ ในเดือนธันวาคม ปี 1941 ทำให้อเมริกันในขณะนั้นพลาดท่าเพราะไม่มีแผนในการรับมือ และต้องทำการวางแผนเพื่อรับมือกับ ซีโร่เซ็น อีกนานนับปีจนในที่สุด ก็ได้มีการพัฒนายุทธวิธีเฉพาะเพื่อใช้จัดการกับซีโร่เซ็น โดยใช้เทคนิคการบิน แบบ Thach Wave ซึ่งใช้นักบินสองคนทำงานคู่กัน โดยอีกคนมีหน้าที่เล็งและยิง และพอได้จังหวะที่ซีโร่เซ็นนั้นได้พลาดท่าในขณะที่ทำการสู้รบกับปืนของเรือดำน้ำอยู่นั้น ฝ่ายอเมริกาจึงได้ใช้จังหวะนี้ในการโจมตี ทำให้เกิดการระเบิดและเครื่องบินรบอย่างซีโร่เซ็นก็ได้ทำการปิดฉากลงในที่สุด